Tuesday, February 5, 2008

มาเมาส์เรื่องดอกทิวลิปกันนะฮับ........*-*






ขออนุญาตมาพูดถึงเรื่องดอกทิวลิปกับความรักนะคะ ไม่รู้ว่าจะเคยทราบเคยอ่านกันมารึยัง แต่จะเอาเท่าที่หนูมีข้อมูลนะคะ
ดอกทิวลิป ได้ชื่อว่าเป็นดอกไม้ที่มีความคงทน และเฉายากมาก ดอกทิวลิปมีอยู่ด้วยกันหลายสี โดยเฉพาะดอกทิวลิปสีแดง สื่อถึงการประกาศก้องในความรัก หลงรักหัวปักหัวปำ ความรักที่ฉาบฉวยและจืดจางอย่างรวดเร็ว ส่วนดอกทิวลิปสีเหลืองมีความหมายถึง ความผิดหวัง สิ้นหวังในความรักเพราะฉะนั้นอย่าได้เผลอส่งดอกทิวลิปสีเหลืองไปให้ใครเชียว เพราะจะทำให้คุณแห้วเปล่าๆ
สำหรับทิวลิปกับความรักโดยรวม มีคำกล่าวว่า ดอกทิวลิปหมายถึงความรักที่สมบูรณ์แบบ Love as though Tulip วันหนึ่งเมื่อคุณได้รับดอกทิวลิปจากคนที่คุณรัก นับได้ว่าเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งสำหรับประตูบานแรกที่จะนำคุณและค นที่คุณรักเข้าสู่ความรักที่นิรันดร
ทิวลิป...มีก้านที่ดูแข็งแรง เปรียบว่า..ความรักของสองเรานั้นมั่นคงหากความรักได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่ดี ก็ทำให้รักของเรามั่นคงยาวนานได้ทิวลิป...มีสีของดอกที่สวยงามและหลากหลายสีราวกับ...สีสันที่สองเราแต่งเติมให้กับความรัก ถ้าเราหมั่นปรุงแต่งความรักในทุกๆ วัน ทิวลิป...ถ้าจะดูให้สวยงาม สมบูรณ์แบบ ควรจะปลูกเป็นแปลงใหญ่สิ่งที่สำคัญที่สุด...ของความรักคือความเข้าใจซึ่งกันและกัน
-: นี่แหละคือสิ่งสำคัญของความรัก :-
ทิวลิปเมื่ออยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ก็เหมือนกับเรามีคนที่เรารักอยู่เคียงข้างตลอดเวลาไม่จำเป็นว่าจะนั่งอยู่ข้างๆ กันตอนนี้...แต่อาจจะอยู่ห่างกันแสนไกลซึ่งสำคัญที่สุดคือ...หัวใจสองดวงอยู่ใกล้กันนั่นเอง
ไม่มีความรักที่ไหนสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างเพียงแต่...ถ้าเข้าใจ...ก็สามารถทำให้ความรักของเรานิรันดร์และ งดงามเช่นเดียวกับ...ดอกทิวลิปได้




ขออนุญาตนำเรื่องราวเกี่ยวกับทิวลิปมาลงอีกนิด(ยาวๆ)นะคะ พอดีพิมพ์ไปอ่านไป มันเมามันในอารมณ์ อยากค้นและค้นให้ถึงที่สุด แล้วรวบรวมไว้เอาไว้อ่านได้อีกอะค่ะ ขอยืมกระทู้ "ป้าดารา" นะคะ อิอิ หนูรู้ว่าป้าไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆ เอาเป็นว่า reply นี้ ใครใคร่อ่านก็อ่านนะคะ ใครไม่ใคร่อ่าน...ก็มองข้ามไปละกันค่ะ
ทิวลิปประกอบ reply นี้ถ่ายเองค่ะ เก็บตกได้ระหว่างทางเมื่อตอนไปเป็นกะเหรี่ยงแถวประเทศนอก(พูดซะโบราณเลยฉัน 555555555)มันอาจไม่สวยงามเท่าไหร่นะคะ เพราะเป็นดอกไม้ริมทางจริงๆ ค่ะคาดว่าเจ้าของคงไม่ได้ดูแลอะไรมากมายแต่ก็ยังสวยและตื่นตาตื่นใจสำหรับกะเหรี่ยงอย่างตุ๊กตาไล่ฝนเก็บหมดทุกอย่างข้างทาง แม้แต่ดอกหญ้า เศษขยะ ยังสวยไปหมดเลยค่ะ
มาเข้าเรื่องเลยดีกว่านะคะ...อาจจะยาวสักหน่อยค่ะ แหะๆ
โบ ราณกาลนั้นถือว่าดอกไม้คือสัญลักษณ์ในบทประพันธ์คลาสสิคมักจะกล ่าวถึงดอกไม้ในทางเปรียบเปรยความงามของหญิงสาว หรือสื่อสัญลักษณ์ของความรักผ่านถ้อยคำที่พรรณนาถึงดอกไม้ แม้แต่ William Shakespear การเขียนถึงดอกไม้ก็มักจะถูกเขียนสอดแทรกไว้ในบทประพันธ์ของเขา เสมอ
ในอดีตนั้น นักพฤกษาวิทยาได้เคยมีรายงานบันทึกไว้ว่า ทิวลิปพันธุ์พื้นเมือง ซึ่งเป็นของดั้งเดิมของโลกเก่าจริงๆ นั้น มีกระจายพันธุ์ขึ้นอยู่ในแถบถิ่นต่างๆ ของโลกราว 100 พันธุ์ หรือ 100 สปีชี่ ส่วนทิวลิปที่โด่งดังของโลก ซึ่งมีนักปลูกดอกไม,้ ต้นไม้ นิยมปลูกกันอย่างกว้างขวางในโลก มากกว่าทิวลิปพันธุ์อื่นๆ คือ ทิวลิปพันธุ์ที่พระอาจารย์ลินเนียส ได้ตั้งชื่อไว้ให้ ในปีพ.ศ. 2280 ว่า ทิวลิปา กีสนีเรียนา (Tulipa gesneriana) ซึ่งเป็นทิวลิปที่เป็นที่นิยมมากที่สุด มาตั้งแต่ในสมัยกลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 มาจนถึงในปัจจุบัน ทิวลิปพันธุ์ที่ว่านี้ เป็นพืชพื้นเมือง มีทำเลถิ่นเกิดอยู่ในประเทศตุรกี และในละแวกเอเชียไมเนอร์บางท้องที่ แต่ต่อมาภายหลัง ก็เกิดมีการกระจายพันธุ์เข้าไปเป็นพืชพื้นเมืองอยู่ในยุโรปตอนใ ต้อีกหลายท้องที่ บุคคลแรกที่นำทิวลิปสู่ยุโรปคือ “บุสเบค” ราชทูตอาณาจักรโรมันในราชสำนักตุรกี ในช่วงปี ค.ศ. 1572 ทำให้ผู้คนรุ่นหลังๆ เกิดไขว้เขว คิดว่าทิวลิปพันธุ์นี้เป็นต้นไม้พื้นเมืองของทวีปยุโรป ทิวลิปพันธุ์กีสนีเรียนาเป็นพืชของโลกเก่า ที่นักพฤกษาวิทยาพบเป็นครั้งแรกจากประเทศตุรกี และชาวตุรกีก็เป็นหมู่ชน กลุ่มแรกที่รู้จักนำต้นทิวลิปพันธุ์นี้จากทุ่งนาป่าเขา นำเข้าไปปลูกดูเล่นในสวนดอกไม้ ตั้งแต่ในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 16 และทิวลิปถูกนำเข้าสู่ยุโรปตะวันตก จากกรุงคอนสแตนติโนเปิล และเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะที่ประเทศฮอลแลนด์
คำว่า "ทิวลิป" หรือ Tulip นี้ เชื่อกันว่ามาจากชื่อที่เรียกผ้าโพกศีรษะของชาวสลาฟ (คือชนชาวรัสเซียน,บัลกาเรียน, โบฮีเมียน และชาวโพล) ซึ่งชาวตุรกีเรียกผ้าโพกศีรษะนี้ว่า tulbend และในภาษาเปอร์เซียว่า tulipant อังกฤษว่า turban ส่วนผ้าโพกศีรษะที่เขียนว่า toliban เมื่อเปลี่ยนเป็นภาษาละตินก็กลายเป็น tulipa ใช้จินตนาการนิดหน่อย ดอกทิวลิปก็ดูลักษณะคล้ายผ้าโพกศีรษะ แต่ที่มาของคำจริงๆ นั้นไม่มีใครทราบ
ราวศตวรรษที่ 18 ทิวลิปมีชื่อประจำตัวมากมาย ตามบุคคลที่มียศถาบรรดาศักดิ์ เช่น อเล็กซานเดอร์มหาราช, ดยุคแห่งวองโดม, จักรพรรดิแห่งเยอรมนี หรือดยุคแห่งคาร์ลโบโรห์ ไม่มีดอกไม้ชนิดใดมีประวัติผาดโผนเช่นทิวลิปอีกแล้ว
ในประเทศเปอร์เซียนั้น นักพฤกษาวิทยาได้เคยพบต้นทิวลิปป่าขึ้นอยู่มาก และในละแวกใกล้ๆ กับเมืองคาบูลในอัฟกานิสถาน ก็พบว่ามีต้นทิวลิปต่างๆ ขึ้นอยู่ในพื้นที่มากมายถึง 33 พันธุ์ ด้วยเหตุนี้ชาวเปอร์เซียนจึงมีเรื่องตำนานอันเก่าแก่ที่เกี่ยวข ้องอยู่กับเรื่องของทิวลิปมากกว่าชนชาติใดๆ ในโลก
ทิวลิป ดอกแรกที่ปรากฏอยู่ในตำนานนั้น ได้แก่ ดอกทิวลิปสีแดงสด ซึ่งชนชาวเปอร์เซียนโบราณเชื่อกันว่า เป็นสัญลักษณ์ของหยดเลือดและความรักอันจิรังกาล ที่พบอยู่เสมอในบทกวี บทเพลงพื้นบ้าน หรือในภาพเขียนลายเส้น หรือภาพสีน้ำมันของชาวเปอร์เซียนในยุคโบราณ ราชอาณาจักรตุรกียุคโบราณ (Ottoman Empire) ก็เคยใช้ดอกทิวลิปสีแดง เป็นสัญลักษณ์มาก่อนเช่นเดียวกัน ต่อมาความเชื่อนี้จึงค่อยแพร่ขยายเข้าไปสู่ในยุโรป แม้ในจักรวรรดิ์โรมัน ก็มีการใช้ดอกทิวลิปเป็นสัญลักษณ์ ขององค์จักรพรรดิหลายพระองค์อีกด้วย
ประวัติและตำนานของดอกทิวลิปนั้นจึงมีอยู่มากมาย เพราะก่อนที่ทิวลิปจะเข้ามาสู่ในโลกของพฤกษศาสตร์ ชนหลายชาติก็เคยรู้จัก และเคยปลูกทิวลิปด้วยกันมาก่อนแล้วทั้งนั้น ใน Encyclopedia จึงอ้างว่า มนุษย์เรียกชื่อของทิวลิปแตกกันอยู่นั้นมีมากกว่า 4,000 ชื่อ แต่สำหรับทิวลิปพันธุ์ที่เรียกกันว่า “ทิวลิปา กีสนีเรียนา” นี้ ได้เริ่มเป็นที่รู้จักกันในยุโรปเมื่อ อาจารย์คอนแรดเกสเนอร์ (Conrad Gesner) นักพฤกษาวิทยาแห่งสวนพฤกษศาสตร์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้เขียนเรื่องและรูปของทิวลิปพันธุ์นี้พิมพ์เผยแพร่ขึ้นในปีพ. ศ.2104 โดยที่พระอาจารย์เกสเนอร์ใช้แผ่นทองแดงเป็นแม่พิมพ์ ครั้นต่อมาภายหลังพระอาจารย์ลินเนียส ก็ได้นำทิวลิปนี้ไปขึ้นทำเนียบไว้ในหนังสือ Systema Naturae ของท่านในพ.ศ. 2280 ทิวลิปต้นนี้ จึงได้นามว่าเป็นทิวลิปา กีสนีเรียนา มาตั้งแต่ในพุทธศกนั้น
ทิวลิป ถูกนำมาสู่ฮอลแลนด์ในราวปี ค.ศ. 1593 ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ หากไปถามใครว่าอะไร ที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็นฮอลแลนด์ ทุกคนจะกล่าวเหมือนๆ กันว่า “ทิวลิป กังหันลม และรองเท้าไม้” ตามลำดับ และการปลูกทิวลิปจึงกลายเป็นอุตสาหกรรมหลักของชาวฮอลแลนด์ และเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของฮอลแลนด์ มาจนทุกวันนี้ ทิวลิปมีการปลูกในฮอลแลนด์มาตั้งแต่ราวๆ ค.ศ. 1600 จนในปัจจุบัน เกือบครึ่งของพื้นที่ปลูกไม้หัว ทั้งประเทศ 47,150 เอเคอร์ หรือราว 23,412 เอเคอร์ใช้เป็นพื้นที่ปลูกทิวลิป นอกนั้นก็เป็นพวกลิลลี่ แกลดิโอรัส นาซิสซัส และไฮยาซินธ์ ตามลำดับ
ทุกๆ ปี ในฮอลแลนด์มีการปลูกทิวลิปกว่า 3 พันล้านต้น ประมาณ 2 พันล้านต้นถูกส่งออก ที่เหลือกว่าพันล้านต้น ถูกประดับประดาอยู่ในฮอลแลนด์ อเมริกาเป็นประเทศที่นำเข้าทิวลิปมากที่สุด รองลงไปเป็นญี่ปุ่น และเยอรมนี โดยธรรมชาติ ทิวลิปเป็นไม้ที่เติบโตบนเขาสูง มีหิมะปกคลุมในช่วงฤดูหนาว ซึ่งจะช่วยปกป้องหัวของมัน จากอากาศที่หนาวจัด รวมทั้งสะสมอาหาร และผลิดอกในฤดูใบไม้ผลิ ผิวด้านในของทิวลิปที่ขึ้นอยู่บนเขาสูง จะมีขนอ่อนๆ เพื่อปกป้องอากาศหนาว ทิวลิปพวกนี้เรียกว่า “Wooly Tulip” ด้วยเหตุที่ชาวดัชท์มีชื่อเสียงในการปลูกทิวลิป ก็ด้วยเหตุที่สามารถปลูกทิวลิปขึ้นในที่ราบลุ่มต่ำกว่าระดับน้ำ ทะเล รวมทั้งสามารถทนกับฤดูหนาว ที่ชื้นแฉะได้ เพราะที่จริงแล้วไม่ใช่ภูมิอากาศที่ทิวลิปชอบเลย
ทิวลิปส่วนหนึ่งที่ปลูกในฮอลแลนด์มีกำเนิดมาจากบริเวณที่เป็นส่ วนหนึ่งของรัสเซีย รอบๆ ทะเลดำในคริเมีย (CRIMEA) และพื้นที่ขั้นบันไดทางเหนือของคูคาซัส (CAUCASUS)
การปลูกทิวลิปในฮอลแลนด์เริ่มต้นอย่างช้าๆ เมื่อปี ค.ศ. 1600 ในแปลงส่วนตัวเล็กๆบริเวณทะเลเหนือ และอัมสเตอร์ดัม ที่เมืองไลเดน (LEIDEN) และฮาร์เลม (HARRLEM) บริเวณนี้ยังคงเรียกว่า “Bollenstreek” หรือบริเวณปลูกดอกทิวลิป ในตอนแรก ดอกทิวลิปมีไว้สำหรับคนรวยเท่านั้น ทิวลิปกลายเป็นตัวแสดงสถานภาพ ทางสังคมของผู้คน คนรวยชาวดัชท์และพวกผู้ดีชาวยุโรป พวกเศรษฐีใหม่ที่ทำการค้าขายเท่านั้นที่จะมีดอกทิวลิป ประดับบ้าน สมัยปี ค.ศ. 1624 ในฮอลแลนด์เกิดวิกฤติการณ์ที่เรียกว่า “คลั่งทิวลิป” หรือ Tulipomania ราคาซื้อขายหน่อทิวลิปหน่อหนึ่งมีราคามหาศาล ทิวลิปเคยเป็นสินค้าราคาแพงมีค่ายิ่งกว่าทองคำ และเคยถูกสั่งห้าม ปลูกในประเทศอังกฤษมาแล้ว ถึงกับมีเรื่องเล่ากันว่าชายคนหนึ่งลงทุนเสียสละผ้าห่มให้ต้นทิ วลิปได้รับความอบอุ่น จนตัวเองต้องหนาวตาย
เริ่มมีการคลั่งไคล้ทิวลิปที่มีสีขาวและแดงมารูน หรือ “Rembrandt Type” หรือ “Semper Augustus” ราคาสูงถึงดอกละ 3,000 กิลเดอร์ และมีขายเพียง 12 ดอกเท่านั้น (ราคาประมาณ 1,500 เหรียญสหรัฐฯ ในปัจจุบัน) และเคยสูงถึง 4,500 กิลเดอร์ ทิวลิปที่แพงที่สุดในเวลานั้นคือ “Rembrandt Type” หรือแบบ 2 สี ซึ่งมีสีจัดหรือมีสีเป็นแถบๆ ได้มีการต่อต้านความคลั่งไคล้ต่อทิวลิป ถือเป็นความโง่เขลาของคนขายดอกไม้หรือ “Blommist” อย่างไรก็ตามไม่มีใครยับยั้งความคลั่งไคล้ต่อทิวลิปได้ และความคลั่งไคล้ก็ถึงขีดสุดในปี ค.ศ. 1634-1637 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เรียกว่า “The Foolish Tulip Trade” “The Wild Tulip Speculation” หรือ “Tulipomania” ทิวลิปที่มีราคางาม คือทิวลิปที่มีลายเป็นทางลงจากปลายกลีบสู่โคนกลีบ จัดว่าเป็นของหายากในสมัยนั้น แต่แท้ที่จริงแล้วทิวลิปพันธุ์นี้เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัส อันเป็นสิ่งผิดปรกติที่เกิดขึ้นกับดอกไม้
การซื้อขายทิวลิปไม่ใช่งานอดิเรกของคนรวยอีกต่อไป ในปี ค.ศ. 1620 ทิวลิปถูกขายเป็นดอก แต่ในปี ค.ศ. 1634 ขายเป็นน้ำหนักโดยวัดเป็น grain (หรือ 4.8 เซนติกรัม) ซึ่งเป็นวิธีเดียวกับการชั่งน้ำหนักทองคำ ดอกทิวลิป 1 ดอกเคยถูกขายในราคาดอกละ 3,000 กิลเดอร์ เปรียบเทียบง่ายๆ เงิน 3,000 กิลเดอร์ สามารถซื้อข้าวสาลีได้ 2 กระสอบ ข้าวไรย์ 4 กระสอบ แม่วัวตัวอ้วนๆ 4 ตัว หมู 5 ตัว แกะ 12 ตัว ไวน์ 200 ลิตร เบียร์ 400 ลิตร เนย 2 ถัง เนยแข็ง 1,000 ปอนด์ เตียงนอนอย่างดี 1 ชุด สูท 1 ชุด ถังน้ำทำด้วยเงิน 1 ใบ และเกวียนสำหรับขนของทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าว
ในปี 1637 การค้าขายทิวลิปก็ถึงจุดสิ้นสุด คนที่เคยรวยก็เริ่มจนลงเพียงชั่วข้ามคืน อย่างไรก็ดี การเก็งราคาทิวลิปในตลาดยุติลงอย่างเด็ดขาดในเวลาต่อมา เมื่อรัฐบาลฮอลแลนด์ประกาศห้ามเก็งราคา แต่ทิวลิปก็ยังคงมีความสำคัญกับฮอลแลนด์ตลอดมา เหตุผลที่คนชื่นชมดอกทิวลิป คือความงามเพียงประการเดียว เพราะทิวลิปไม่มีคุณสมบัติทางยาแต่อย่างใด แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ทิวลิปทำหน้าที่อื่นนอกจากอวดโฉมงาม แรงจูงใจที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนฮอลแลนด์นั้นมีมากมาย แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้อย่างหนึ่งก็คือการที่ได้ไปชมดอกทิวลิป บริษัททัวร์จึงบรรจุโปรแกรมเที่ยวชมสวนเคอเคนฮอฟ (Keukenhof) ไว้ทุกบริษัทเลยทีเดียว
สวนเคอเคนฮอฟ ตั้งอยู่ที่ชานเมืองลิซเซ่ (Lisse) ซึ่งเป็นแหล่งปลูกทิวลิปที่ใหญ่และสำคัญยิ่งของฮอลแลนด์ เมืองลิซเซ่อยู่ห่างจากอัมสเตอร์ดัมเพียง 29 กิโลเมตร สามารถเดินทางไปได้ทั้งทางรถไฟและรถเช่า รวมทั้งจักรยาน ทางรถไฟให้ลงที่สถานีไลเดน (Leiden) แล้วต่อรถบัสเข้าไปที่สวน ซึ่งใช้เวลาประมาณ 15 นาที
สวนเคอเคนฮอฟ เดิมเป็นสวนสาธารณะมาก่อน ต่อมาสมาคมผู้ส่งเสริมการปลูกดอกไม้ประเภทไม้หัวแห่งเมืองลิซเซ ่ ได้ใช้สวนแห่งนี้ส่งเสริมการปลูกไม้หัวพันธุ์ใหม่ๆ โดยแบ่งที่ให้กับบริษัทผู้ผลิตไม้หัวเป็นผู้ปลูกและเข้าบำรุงรั กษา ซึ่งก็ทำให้เกิดพันธุ์ใหม่ๆ ขึ้นทุกปี ผู้ซื้อทิวลิปจากทั่วโลกจะมาชมและคัดเลือกทิวลิปที่ต้องการจากแ ปลงสาธิต ในสวนเคอเคนฮอฟแห่งนี้ สวนเคอเคนฮอฟ เป็นสวนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ด้วยทิวลิปที่มีมากกว่า 7 ล้านต้นในแต่ละปี รวมทั้งไม้หัวอื่นๆ เช่น ลิลลี่ แดฟโฟดิล หรือนาซิสซัส ไฮยาซินธ์ ออกดอกบานสะพรั่งอยู่ดูละลานตา สวนได้ถูกออกแบบไว้อย่างสวยงาม ประกอบไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ อันเก่าแก่ มีทางเดินอันร่มรื่น บางตอนก็มีงานประติมากรรมประดับสวนอยู่เป็นระยะ มีสระน้ำและน้ำพุ มีศาลาจัดแสดงกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับดอกไม้มากมาย มีการจัดสวนตัวอย่าง การวางแผนจัดปลูกไม้ดอกไม้ใบ มีร้านอาหาร 4 แห่ง รวมทั้งคอฟฟี่ช็อป สวนเคอเคนฮอฟนี้ จะเปิดให้เข้าชมประมาณกลางเดือนมีนาคม ไปจนถึงปลายเดือนพฤษภาคมของทุกปี ช่วงที่ทิวลิปจะสวยที่สุด จะอยู่ระหว่างวันที่ 8 เมษายน ไปจนถึง 20 เมษายน อย่างไรก็ตามก็ยังมีทิวลิป ให้ชื่นชมกันตลอด แต่อาจจะโทรมไปบ้าง จนถึงประมาณปลายเดือนพฤษภาคม
ในนามแห่งดอกไม้ที่ชื่อ “ทิวลิป” คงจะไม่มีใครปฎิเสธความสวยงามของดอกไม้ชนิดนี้ได้อย่างแน่นอน ทิวลิปเป็นดอกไม้ที่ไม่มีกลิ่นหอม แต่ธรรมชาติก็ได้รังสรรค์ความงามให้กับมัน เพื่อเป็นการชดเชย ธรรมชาติรักษาความสมดุลของทุกสิ่งบนโลกใบนี้เสมอ เมื่อสร้างทิวลิปสีแดง ขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องหมายแสดงถึง “การประกาศความรัก” ก็มิได้หลงลืมที่จะสร้างทิวลิปสีเหลืองขึ้นมา เพื่อแสดงถึง “ความรักที่สิ้นหวัง”
ถ้ากุหลาบคือ ราชินีแห่งดอกไม้ (Queen of Flowers) ทิวลิปคงไม่ต่างอะไรกับ ราชินีแห่งดอกไม้ของชาวฮอลแลนด์
ถ้าคาร์เนชั่นยอมเปรียบตัวเองเป็นชายผู้ต่ำต้อย ทิวลิปคงแทนหญิงสาวผู้สูงศักดิ์
ทิวลิปเป็นดอกไม้ที่ชาวยุโรป ไม่ว่าจะเป็นคนอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน หรือชาวฮอลแลนด์ชื่นชม ทิวลิปเป็นดอกไม้ที่มีการเดินทางอันยาวนาน ไม่เพียงแต่ทิวลิปจะเป็นดอกไม้รูปถ้วย แต่ทิวลิปยังเป็น อะไรได้อีกหลายสิ่งหลายอย่าง ที่จะเป็นความหมายของความสวยงาม ถ้าความหมายและความงดงามของมันมีมากมายขนาดนี้แล้ว ในแจกันข้างตัวคุณ…มีดอกทิวลิปปัก ไว้ในนั้นบ้างหรือเปล่าคะ

No comments: